หน้าอัลกุรอาน 8
Al-Baqarah (2): 49-57
49. และพวกเจ้าจงรำลึกถึง ขณะที่เราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากพวกพ้องของฟิรอาวน์ โดยที่พวกเขาบังคับขู่เข็ญพวกเจ้า ซึ่งการทรมานอันแสนสาหัส (83) พวกเขาเชือดบรรดาลูกผู้ชายของพวกเจ้า และไว้ชีวิตบรรดาลูกผู้หญิงของพวกเจ้า (84) และในเรื่องนั้นคือการทดสอบอันใหญ่หลวงจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า (85)
(83) การเอาพวกเขาเป็นทาสแล้วใช้พวกเขาให้ทำงานหนัก
(84) โดยมีเจตนาทำลายประชาชาติอิสรออีล ให้สูญพันธุ์
(85) (ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาได้รำลึกถึงความกรุณาของส่วนบุคคลอัลลอฮ์อยู่เสมอ จะได้ไม่ดื้อดึงต่อพระองค์อีก
50. และพวกเจ้าจงรำลึกถึงขณะที่เราได้แยกทะเลออกเพื่อพวกเจ้า (86) แล้วเราได้ช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้น (87) และได้ให้พวกฟิรอาวน์จมน้ำตาย (88) ขณะที่พวกเจ้ามองดูอยู่ (89)
(86) เพราะพวกเจ้าไม่มีทางอื่นที่จะหนีให้พ้นจากฟิรอาวน์ได้ นอกจากจะต้องให้น้ำในทะเลแดงแยกออกเป็นทางเดินข้ามไปเท่านั้นในเรื่องนี้ พวกก็อดยานีไม่ยอมเชื่อ เขากล่าว่า “เป็นเวลาที่น้ำกำลังลดลงสู่ระดับต่ำจนเห็นท้องทะเล” เขากล่าวอีกว่า “ถ้าน้ำในทะเลแยกออกเป็นร่องจริง และเป็นการแยกที่ไม่ได้มี ปรากฏมาก่อน พวกฟิรอาวน์ก็จะต้องตกใจ คงไม่กล้าเสี่ยงลงข้ามไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นอภินิหารหรือความมหัศจรรย์ที่ประจวบกันอย่างเหมาะเจาะ” ผู้อ่านคงทราบแล้วเขามีเจตนาบิดเบือนอย่างไร อัลลอฮ์แจ้งให้ทราบว่า “พระองค์ให้น้ำในทะเลแดงแยกออกเป็นทาง” เขาบิดเบือนไปว่า “น้ำมันลดเอง”
(87) ให้รอดพ้นจากฟิรอาวน์ และไร่พลของเขา
(88) ขณะที่ฟิรอาวน์ติดตามวงศ์วานอิสรออีลไปถึงกลางทะเล ซึ่งขณะนั้นวงศ์วานอิสรออีลขึ้นฝั่งแล้ว อัลลอฮ์ก็ทรงให้น้ำที่แยกออกสองฟากทางกระแทกตัวเข้าหากัน ทำให้พวกฟิรอาวน์จมน้ำตาย
(89) ขณะที่วงศ์วานอิสรออีลมองดูกันอยู่
51. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้สัญญาแก่มูซาไว้สี่สิบคืน (90) แล้วพวกเจ้าได้ยึดถือลูกวัวตัวนั้นหลังจากเขา (91) ในสภาพที่พวกเจ้าคือ ผู้อธรรม
(90) ให้ท่านนบีมูซาไปรับบัญญัติ 10 ประการ ณ ภูเขาสินาย และจะต้องอยู่ที่นั่น 40 คืน
(91) ยึดถือลูกวัวที่ซารีย์ได้จำลองขึ้นจากทองคำ เป็นที่เคารพสักการะ หลังจากนบีมูซาเดินทางไปรับบัญญัติ 10 ประการ
52. แล้วเราก็ได้ให้อภัยแก่พวกเจ้า หลังจากนั้น เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ
53. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้ให้คัมภีร์และสิ่งที่จำแนกความถูกผิดแก่มูซา เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
54. และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า โอ้กลุ่มชนของฉัน ! แท้จริงพวกท่านได้ อยุติธรรมแก่ตัวของพวกท่านเอง โดยที่พวกท่านได้ยึดถือลูกวัวตัวนั้น (92) (เป็นที่เคารพสักการะ) ดังนั้นจงกลับสู่พระผู้บังเกิดพวกท่านเถิด (93) แล้วจงฆ่าตัวของพวกท่านเอง (94) นั่นเป็นสิ่งดีแก่พวกท่าน ณ พระผู้บังเกิดพวกท่าน ภายหลังพระองค์ก็ได้ทรงอภัยโทษแก่พวกท่าน แท้จริง พระองค์คือ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(92) ลูกวัวที่ซามิรีย์ได้จำลองขึ้นจากทองที่เขารวบรวมจากวงศ์วานอิสรออีล แล้วประกาศว่า นี่แหละคือ พระเจ้าแล้ววงศ์วานอิสรออีล ส่วนมากก็เคารพสักการะกัน
(93) กลับเข้าหาพระผู้ทรงบังเกิดด้วยความสำนึกผิดและกลับเนื้อกลับตัวและขออภัยโทษต่อพระองค์
(94) ให้ทำการประหัตประหารซึ่งกันและกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อลบล้างความผิด ผู้ใดที่รอดพ้นจากการถูกฆ่าก็จะได้รับการอภัยจากอัลลอฮ์
55. และจงรำลึกถึง ขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา ! เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็นอันขาด จนกว่าเราจะได้เห็นอัลลอฮ์โดยเปิดเผย (95) แล้วสายฟ้าผ่าก็ได้คร่าชีวิตพวกเจ้า (96) ขณะที่พวกเจ้ามองดูอยู่
(95) เห็นอัลลอฮ์ด้วยตาของพวกเขา
(96) อัลลอฮ์ได้ทรงให้ฟ้าผ่าพวกเขา ทำให้พวกเขาสิ้นชีวิตจนหมดสิ้น ทั้งนี้โดยทยอยกันเสียชีวิตทีละคนสองคน คนที่เสียชีวิตทีหลังก็ได้เห็นคนที่เสียชีวิตก่อน ดังข้อความที่ว่า “ขณะที่พวกเจ้ามองดูอยู่”
56. ภายหลังเราได้ให้พวกเจ้าคืนชีพ หลังจากที่พวกเจ้าได้ตายไปแล้ว (97) เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ
(97) ในเรื่องนี้ พวกก็อดยานี้ไม่เชื่อ จึงได้บิดเบือนความหมายของอัลกุรอานไปว่า “ให้ฟื้นขึ้นหลังจากที่ได้สลบไป” อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า “ตาย” เขาว่า “ไม่ใช่ สลบต่างหาก”
57. และเราได้ให้เมฆบดบังพวกเจ้า (98) และได้ให้อัลมันนะ และอัสซัลวา (99) แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดี ๆ เถิด และพวกเขาหาได้อธรรมแก่เราไม่ แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก
(98) ให้เมฆบดบังแสงอาทิตย์เพื่อให้ความร่มเย็นแก่พวกเขาขณะเดินทางอยู่ในทะเลทราย
(99) อัล-มันนะ คือของหวานชนิดหนึ่ง คล้ายน้ำผึ้ง ส่วนอัส-ซัลวานั้น คือ นกคุ่ม